ตัวประกอบของ 160037 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 160037
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 160037 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 160037 ได้ลงตัว
▶
▶ 2. การแยกตัวประกอบของ 160037 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 160037 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 160037 มีทั้งหมด 4 ตัวคือ 1, 19, 8423, 160037
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
160037 ÷ 1 | = | 160037 | เหลือเศษ 0 |
160037 ÷ 19 | = | 8423 | เหลือเศษ 0 |
160037 ÷ 8423 | = | 19 | เหลือเศษ 0 |
160037 ÷ 160037 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 160037
1 x 160037 | = | 160037 |
19 x 8423 | = | 160037 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 160037
1 + 19 + 8423 + 160037 = 168480
▶ ตัวประกอบของ 160037 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
19, 8423
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 160037 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
160037 = 19 x 8423
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 160037 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 160037 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 160037 มา 1 คู่ เช่น 19 x 8423
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 160037
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 160037
- 160037
- 19
- 8423
ดังนั้น 160037 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
160037 =
19 x 8423
2. การแยกตัวประกอบของ 160037 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 160037 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 160037 นั้นก็คือ 19, 8423 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 160037
19)1600378423)84231ดังนั้น 160037 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้160037 = 19 x 8423วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 160037
1แยกตัวประกอบของ 160037 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 191 x 842312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 19 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 8423 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 160037 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 160037 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 160037 นั้นก็คือ 19, 8423 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 160037
19
)160037
8423
)8423
1
ดังนั้น 160037 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
160037 = 19 x 8423
1แยกตัวประกอบของ 160037 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 191 x 84231
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 19 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 8423 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 160037 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 160037 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇