ตัวประกอบของ 160032 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 160032
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 160032 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 160032 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 160032 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 160032 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 160032 มีทั้งหมด 24 ตัวคือ 1, 2, 3, 4, 6, 8, 12, 16, 24, 32, 48, 96, 1667, 3334, 5001, 6668, 10002, 13336, 20004, 26672, 40008, 53344, 80016, 160032
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
160032 ÷ 1 | = | 160032 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 2 | = | 80016 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 3 | = | 53344 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 4 | = | 40008 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 6 | = | 26672 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 8 | = | 20004 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 12 | = | 13336 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 16 | = | 10002 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 24 | = | 6668 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 32 | = | 5001 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 48 | = | 3334 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 96 | = | 1667 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 1667 | = | 96 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 3334 | = | 48 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 5001 | = | 32 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 6668 | = | 24 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 10002 | = | 16 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 13336 | = | 12 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 20004 | = | 8 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 26672 | = | 6 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 40008 | = | 4 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 53344 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 80016 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
160032 ÷ 160032 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 160032
1 x 160032 | = | 160032 |
2 x 80016 | = | 160032 |
3 x 53344 | = | 160032 |
4 x 40008 | = | 160032 |
6 x 26672 | = | 160032 |
8 x 20004 | = | 160032 |
12 x 13336 | = | 160032 |
16 x 10002 | = | 160032 |
24 x 6668 | = | 160032 |
32 x 5001 | = | 160032 |
48 x 3334 | = | 160032 |
96 x 1667 | = | 160032 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 160032
1 + 2 + 3 + 4 + 6 + 8 + 12 + 16 + 24 + 32 + 48 + 96 + 1667 + 3334 + 5001 + 6668 + 10002 + 13336 + 20004 + 26672 + 40008 + 53344 + 80016 + 160032 = 420336
▶ ตัวประกอบของ 160032 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 3, 1667
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 160032 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
160032 = 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 3 x 1667
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 160032 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
160032 = 25 x 3 x 1667
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 160032 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
160032 = 25 x 3 x 1667
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 160032 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 160032 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 160032 มา 1 คู่ เช่น 2 x 80016
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 160032
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 160032 แบบที่หนึ่ง
- 160032
- 96
- 8
- 2
- 4
- 2
- 2
- 12
- 3
- 4
- 2
- 2
- 8
- 1667
- 96
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 160032 แบบที่สอง
- 160032
- 2
- 80016
- 2
- 40008
- 2
- 20004
- 2
- 10002
- 2
- 5001
- 3
- 1667
ดังนั้น 160032 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
160032 =
2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 3 x 1667
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
160032 =
25 x 3 x 1667 หรือ 25 x 31 x 16671
2. การแยกตัวประกอบของ 160032 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 160032 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 160032 นั้นก็คือ 2, 3, 1667 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 160032
2)1600322)800162)400082)200042)100023)50011667)16671ดังนั้น 160032 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้160032 = 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 3 x 1667หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง160032 = 25 x 3 x 1667 หรือ 25 x 31 x 16671วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 160032
1แยกตัวประกอบของ 160032 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 25 x 31 x 166712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 5 ให้เอา 5 + 1 = 6
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 1667 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 6 x 2 x 2 = 24✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 160032 มีทั้งหมด 24 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 160032 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 160032 นั้นก็คือ 2, 3, 1667 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 160032
2
)160032
2
)80016
2
)40008
2
)20004
2
)10002
3
)5001
1667
)1667
1
ดังนั้น 160032 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
160032 = 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 3 x 1667
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
160032 = 25 x 3 x 1667 หรือ 25 x 31 x 16671
1แยกตัวประกอบของ 160032 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 25 x 31 x 16671
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 5 ให้เอา 5 + 1 = 6
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 1667 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 6 x 2 x 2 = 24✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 160032 มีทั้งหมด 24 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 160032 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇