ตัวประกอบของ 160014 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 160014
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 160014 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 160014 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 160014 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 160014 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 160014 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 3, 6, 26669, 53338, 80007, 160014
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
160014 ÷ 1 | = | 160014 | เหลือเศษ 0 |
160014 ÷ 2 | = | 80007 | เหลือเศษ 0 |
160014 ÷ 3 | = | 53338 | เหลือเศษ 0 |
160014 ÷ 6 | = | 26669 | เหลือเศษ 0 |
160014 ÷ 26669 | = | 6 | เหลือเศษ 0 |
160014 ÷ 53338 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
160014 ÷ 80007 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
160014 ÷ 160014 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 160014
1 x 160014 | = | 160014 |
2 x 80007 | = | 160014 |
3 x 53338 | = | 160014 |
6 x 26669 | = | 160014 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 160014
1 + 2 + 3 + 6 + 26669 + 53338 + 80007 + 160014 = 320040
▶ ตัวประกอบของ 160014 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 3, 26669
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 160014 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
160014 = 2 x 3 x 26669
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 160014 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 160014 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 160014 มา 1 คู่ เช่น 2 x 80007
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 160014
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 160014 แบบที่หนึ่ง
- 160014
- 6
- 2
- 3
- 26669
- 6
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 160014 แบบที่สอง
- 160014
- 2
- 80007
- 3
- 26669
ดังนั้น 160014 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
160014 =
2 x 3 x 26669
2. การแยกตัวประกอบของ 160014 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 160014 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 160014 นั้นก็คือ 2, 3, 26669 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 160014
2)1600143)8000726669)266691ดังนั้น 160014 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้160014 = 2 x 3 x 26669วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 160014
1แยกตัวประกอบของ 160014 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 31 x 2666912ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 26669 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 160014 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 160014 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 160014 นั้นก็คือ 2, 3, 26669 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 160014
2
)160014
3
)80007
26669
)26669
1
ดังนั้น 160014 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
160014 = 2 x 3 x 26669
1แยกตัวประกอบของ 160014 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 31 x 266691
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 26669 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 160014 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 160014 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇