ตัวประกอบของ 160013 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 160013
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 160013 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 160013 ได้ลงตัว
▶
▶ 2. การแยกตัวประกอบของ 160013 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 160013 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 160013 มีทั้งหมด 4 ตัวคือ 1, 7, 22859, 160013
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
160013 ÷ 1 | = | 160013 | เหลือเศษ 0 |
160013 ÷ 7 | = | 22859 | เหลือเศษ 0 |
160013 ÷ 22859 | = | 7 | เหลือเศษ 0 |
160013 ÷ 160013 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 160013
1 x 160013 | = | 160013 |
7 x 22859 | = | 160013 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 160013
1 + 7 + 22859 + 160013 = 182880
▶ ตัวประกอบของ 160013 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
7, 22859
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 160013 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
160013 = 7 x 22859
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 160013 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 160013 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 160013 มา 1 คู่ เช่น 7 x 22859
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 160013
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 160013
- 160013
- 7
- 22859
ดังนั้น 160013 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
160013 =
7 x 22859
2. การแยกตัวประกอบของ 160013 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 160013 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 160013 นั้นก็คือ 7, 22859 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 160013
7)16001322859)228591ดังนั้น 160013 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้160013 = 7 x 22859วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 160013
1แยกตัวประกอบของ 160013 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 71 x 2285912ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 22859 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 160013 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 160013 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 160013 นั้นก็คือ 7, 22859 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 160013
7
)160013
22859
)22859
1
ดังนั้น 160013 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
160013 = 7 x 22859
1แยกตัวประกอบของ 160013 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 71 x 228591
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 22859 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 160013 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 160013 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇