ตัวประกอบของ 3633 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 3633
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 3633 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 3633 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 3633 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 3633 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 3633 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 3, 7, 21, 173, 519, 1211, 3633
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
3633 ÷ 1 | = | 3633 | เหลือเศษ 0 |
3633 ÷ 3 | = | 1211 | เหลือเศษ 0 |
3633 ÷ 7 | = | 519 | เหลือเศษ 0 |
3633 ÷ 21 | = | 173 | เหลือเศษ 0 |
3633 ÷ 173 | = | 21 | เหลือเศษ 0 |
3633 ÷ 519 | = | 7 | เหลือเศษ 0 |
3633 ÷ 1211 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
3633 ÷ 3633 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 3633
1 x 3633 | = | 3633 |
3 x 1211 | = | 3633 |
7 x 519 | = | 3633 |
21 x 173 | = | 3633 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 3633
1 + 3 + 7 + 21 + 173 + 519 + 1211 + 3633 = 5568
▶ ตัวประกอบของ 3633 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
3, 7, 173
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 3633 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
3633 = 3 x 7 x 173
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 3633 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 3633 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 3633 มา 1 คู่ เช่น 3 x 1211
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 3633
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 3633 แบบที่หนึ่ง
- 3633
- 21
- 3
- 7
- 173
- 21
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 3633 แบบที่สอง
- 3633
- 3
- 1211
- 7
- 173
ดังนั้น 3633 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
3633 =
3 x 7 x 173
2. การแยกตัวประกอบของ 3633 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 3633 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 3633 นั้นก็คือ 3, 7, 173 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 3633
3)36337)1211173)1731ดังนั้น 3633 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้3633 = 3 x 7 x 173วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 3633
1แยกตัวประกอบของ 3633 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 71 x 17312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 173 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 3633 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 3633 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 3633 นั้นก็คือ 3, 7, 173 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 3633
3
)3633
7
)1211
173
)173
1
ดังนั้น 3633 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
3633 = 3 x 7 x 173
1แยกตัวประกอบของ 3633 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 71 x 1731
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 173 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 3633 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 3633 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇