ตัวประกอบของ 2853 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 2853
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 2853 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 2853 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 2853 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 2853 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 2853 มีทั้งหมด 6 ตัวคือ 1, 3, 9, 317, 951, 2853
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
2853 ÷ 1 | = | 2853 | เหลือเศษ 0 |
2853 ÷ 3 | = | 951 | เหลือเศษ 0 |
2853 ÷ 9 | = | 317 | เหลือเศษ 0 |
2853 ÷ 317 | = | 9 | เหลือเศษ 0 |
2853 ÷ 951 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
2853 ÷ 2853 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 2853
1 x 2853 | = | 2853 |
3 x 951 | = | 2853 |
9 x 317 | = | 2853 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 2853
1 + 3 + 9 + 317 + 951 + 2853 = 4134
▶ ตัวประกอบของ 2853 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
3, 317
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 2853 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
2853 = 3 x 3 x 317
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 2853 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
2853 = 32 x 317
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 2853 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
2853 = 32 x 317
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 2853 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 2853 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 2853 มา 1 คู่ เช่น 3 x 951
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 2853
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 2853 แบบที่หนึ่ง
- 2853
- 9
- 3
- 3
- 317
- 9
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 2853 แบบที่สอง
- 2853
- 3
- 951
- 3
- 317
ดังนั้น 2853 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
2853 =
3 x 3 x 317
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
2853 =
32 x 317 หรือ 32 x 3171
2. การแยกตัวประกอบของ 2853 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 2853 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 2853 นั้นก็คือ 3, 317 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 2853
3)28533)951317)3171ดังนั้น 2853 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้2853 = 3 x 3 x 317หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง2853 = 32 x 317 หรือ 32 x 3171วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 2853
1แยกตัวประกอบของ 2853 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 32 x 31712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 317 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 = 6✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 2853 มีทั้งหมด 6 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 2853 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 2853 นั้นก็คือ 3, 317 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 2853
3
)2853
3
)951
317
)317
1
ดังนั้น 2853 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
2853 = 3 x 3 x 317
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
2853 = 32 x 317 หรือ 32 x 3171
1แยกตัวประกอบของ 2853 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 32 x 3171
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 317 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 = 6✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 2853 มีทั้งหมด 6 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 2853 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇