โปรแกรมหาห.ร.ม.
ใส่ตัวเลขที่ต้องการหาห.ร.ม โปรแกรมจะแสดงคำตอบและวิธีการหาห.ร.ม.ให้อัตโนมัติ

ใส่ตัวเลขแต่ละตัวคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค(,) หรือกดปุ่ม Enter
ล้างข้อมูล
🔍 ค้นหาห.ร.ม.

ห.ร.ม.ของ 52 และ 250 คือะไร มาหาคำตอบกัน

เทพควิช-lnwquiz
คำนิยาม
"ตัวหารร่วม" หรือ "ตัวประกอบร่วม"(common factors) หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับตั้งแต่สองจำนวนขึ้นไปลงตัว

ถ้าพร้อมแล้วมาดูคำตอบและวิธีหาห.ร.ม.ของ 52 และ 250 กันเลย

ห.ร.ม. ของ 52 และ 250 คือ 2
การหาห.ร.ม.มีหลายวิธีดังนี้

1.วิธีหาห.ร.ม. ของ 52 และ 250 โดยการหาตัวประกอบ

ตัวประกอบของ 52 คือ
124132652

ตัวประกอบของ 250 คือ
125102550125250

ตัวประกอบร่วมของ 52 และ 250 คือ 1, 2
เลือกตัวประกอบร่วมที่มีค่ามากที่สุดของ 52 และ 250 มาเป็นห.ร.ม.
ตอบ ห.ร.ม.ของ 52 และ 250 คือ 2

2.วิธีหาห.ร.ม.ของ 52 และ 250 โดยการแยกตัวประกอบ

มีวิธีการดังนี้
มาเริ่มทำกันเลย
ขั้นตอนที่ 1: เริ่มด้วยการแยกตัวประกอบของ 52 และ 250
2
)52
2
)26
13
)13
1

52 = 2 x 2 x 13
2
)250
5
)125
5
)25
5
)5
1

250 = 2 x 5 x 5 x 5
52 แยกตัวประกอบได้ = 2x2x13  ดูวิธีแยกตัวประกอบ
250 แยกตัวประกอบได้ = 2x5x5x5  ดูวิธีแยกตัวประกอบ
ขั้นตอนที่ 2 เลือกตัวประกอบร่วมของ 52 และ 250 ทั้งหมดออกมาคือ
2
ขั้นตอนที่ 3 นำตัวประกอบร่วมที่ได้จากขั้นตอนที่ 2 มาคูณกันก็จะได้เป็นค่าของ ห.ร.ม.
เนื่องจากมีตัวประกอบร่วมเพียงหนึ่งตัวคือ 2 ดังนั้นไม่ต้องเอาไปคูณกับจำนวนใด
ตอบ ห.ร.ม.ของ 52 และ 250 = 2

3.วิธีหาห.ร.ม. ของ 52 และ 250 ด้วยวิธีหารสั้น

มีหลักการดังนี้
3.1) นำจำนวนทั้งหมดที่ต้องการหา ห.ร.ม. มาเขียนเรียงกัน
3.2) หาจำนวนเฉพาะที่หารจำนวนทั้งหมดได้ลงตัวมาหารไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่สามารถหารได้
3.3) นำตัวหารทุกตัวที่ใช้มาคูณกันก็จะได้เป็นค่าของ ห.ร.ม.

2
)52
250
26125
ตอบ ห.ร.ม.ของ 52 และ 250 คือ = 2

4.วิธีหาห.ร.ม. ของ 52 และ 250 โดยขั้นตอนวิธีแบบยุคลิด

ขั้นตอนที่ 1 หารจำนวนมาก 250 ด้วยจำนวนน้อย 52
        4
52
)250
208
42
ขั้นตอนที่ 2 เอาเศษที่ได้คือ 42 ไปหาร 52
     1
42
)52
42
10
ขั้นตอนที่ 3 เอาเศษที่ได้คือ 10 ไปหาร 42
     4
10
)42
40
2
ขั้นตอนที่ 4 เอาเศษที่ได้คือ 2 ไปหาร 10
     5
2
)10
10
0
การหารจะดำเนินการไปเรื่อยๆ จนกว่าเศษจะเท่ากับ 0 และตัวหารตัวสุดท้ายคือค่าของห.ร.ม.
จากการหารข้างต้นตัวหารตัวสุดท้ายคือ 2
ตอบ ห.ร.ม.ของ 52 และ 250 = 2